
สวัสดีค่ะ วันนี้ดาวจะมารีวิวทริปเที่ยวที่บาหลีนะคะ ว่าเดินทาง กินอยู่อย่างไร ไปกันเลยค่ะ
ทริปนี้ดาวจองตั๋วเครื่องบินมาล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว เลือกถูกที่สุด 555
เลยสรุปขาไปได้ที่สายการบินไลน์ออนแอร์ เที่ยวบิน เวลา 13.25 นาที ใช้เวลาเดินทาง 4 ซม.ค่ะ
บาหลีเวลาเร็วกว่าบ้านเรา 1 ซม.นะคะถึงที่โน่น6.00น.กว่าจะผ่านตม.
รอโหลดกระเป๋า ถึงโรงแรมก็เกือบสามทุ่มเลยค่ะ มีไกด์ผู้น่ารักที่นัดแนะบอกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ว่าให้มารับเราที่สนามบินตอนกี่โมง เขาก็ชูป้ายตรงขาออกตามในภาพเลยค่ะ
ทริปนี้ดาวจองโรงแรมไว้ทั้งหมด 5 ที่หรือ5 คืนนั่นเองค่ะเนื่องจากอยากรู้ว่าแต่ละที่แตกต่างกันอย่างไร
เพราะได้ข่าวมาว่าที่บาหลี โรงแรมดีๆราคาถูกเยอะมาก ดาวเลยจองมัน 5ที่เลยค่ะ โรงแรมไหนก็สวย 555


เมื่อถึงโรงแรมก็ไม่รีรอค่ะ หิวจัด สั่งอาหารก่อนเลย โรงแรมนี้จองมา 1200 บาทค่ะ
ชื่อ Ramada Encore by Wyndham รวมอาหารเช้าค่ะ ระดับ4 ดาว
ของที่โน่นเลยค่ะ โรงแรมสวยห้องสวย สระว่ายน้ำกว้างมาก (ลืมถ่ายรูปห้องมาให้ดู)
อากาศที่นี่ดีมากค่ะ 24-25 องศา

ทานเสร็จแล้วถึงเวลาเช็คบิล 312,819 รูเปียร์ค่ะ เท่ากับเงินไทย 782 บาทคร่าวๆค่ะ มีไวน์ 1 แก้ว
เบียร์ไฮเนเก้น 1 ขวดเล็ก น้ำเปล่า 1 ผัดไท และสเต็กปลา ค่ะ ราคาถือว่าไม่แพงค่ะ
และพร้อมชาร์จแบตเพื่อจะไปเที่ยวพรุ่งนี้ค่ะ ไกด์ของเราจะมารับตอน 7.30 น.
มาเช้าเพราะเราต้องนั่งเรือข้ามเกาะค่ะ

ทานข้าวเสร็จ พี่ไกด์หรือชื่อเล่นว่า อกู๊ด ก็มาตรงเวลาพอดีค่ะ พร้อมเดินทางไปท่าเรือ
รถที่จะคอยรับส่งเราตลอดทริปค่ะ โตโยต้า innova อกู๊ด จะคอยเปิดประตูรถให้เราตลอดค่ะ
เทคแคร์เราดีมากค่ะ แถมมีน้ำมีขนมท้องถิ่น อยู่ในรถให้เราทานเป็นของว่างด้วยค่ะ ไม่พอ
อกู๊ดจะชื้อขนมปังและน้ำ ใส่กระเป๋าให้เราไปทานบนเกาะด้วยค่ะ กลัวเราหิว

นี่คือเรือที่เราจะนั่งไปเกาะที่มีชื่อว่า nusapenida เกาะที่มาบาหลีต้องไม่พลาดค่ะ เรื่องตั๋ว
เรื่องรถที่จะขับพาเราไปทัวร์หลังจากถึงเกาะ อกู๊ดจะจัดการ ให้เราหมดเลยนะคะ แล้วค่อยจ่ายเงินสด
(เงินรูเปียร์นะคะ)ให้อกู๊ดตอนไปส่งเรากลับโรงแรมค่ะ แต่อกู๊ดจะไม่ได้ลงเรือไปกับเรานะคะ
อกู๊ดจะรอเราอยู่ที่ท่าเรือค่ะ

ขณะที่รอเรือ อกู๊ดพามาถ่ายรูปริมทะเล ถ่ายรูปเป็นอ่ะ ขายาวเชียว 5555

ที่นี่จะไม่มีท่าเทียบเรือนะคะ
เป็นชายหาดให้เราเดินขึ้นเรือได้เลยค่ะ แต่แปลกมากที่น้ำทะเลที่นี่ไม่เหนียวเหมือนบ้านเราค่ะ
สังเกตุจากตอนลุยน้ำขึ้นเรือ ผิวจะไม่เหนียวเลยค่ะ

ตัดภาพมาถึงที่เกาะเลยนะคะ เราใช้เวลานั่งเรือมาประมาณ 1 ซม.ค่ะ
(ว่าแต่หกนาฬิกางานดีจังค่ะ 555)

เมื่อมาถึงเกาะจะมีพี่ไกด์อีกคนมารอรับเราที่นี่ค่ะ อกู๊ดจะติดต่อไกด์ท้องถิ่นขับรถพาเราทัวร์แทนค่ะ
เพราะสถานที่ที่เราจะไป ค่อนข้างไกล ถนนแคบทางรถสวนกันขับรถลำบาก ต้องคนท้องถิ่นถึงจะชำนาญทางค่ะ
ใช้เวลาขับรถ 1-2 ซม.ในแต่ละที่ค่ะ เราจะไปทั้งหมด 3 จุดด้วยกันค่ะ

จุดแรกของเรา คล้ายๆเกาะทะลุบ้านเราค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำที่นี่
ไกด์จะถามเราว่าเราจะลงเล่นน้ำไหม ถ้าไม่เล่นก็จะปล่อยให้เราถ่ายรูปและเดินทางไปจุดที่ 2 กันต่อค่ะ

เรือที่นี่แปลกดีค่ะ มีขากันโครงด้วย มองเผินๆเหมือนแมงมุมเลยค่ะ

ก่อนขึ้นรถทุกครั้งพี่ไกด์จะถามเราว่าเข้าห้องน้ำไหม ห้องน้ำบนเกาะ เข้าครั้งละ 5000 รูเปียร์ 2 คนก็ 10,000 รูเปียร์ค่ะ

เรามาแจ๊กพ็อตพอดีนะคะ เขากำลังทำทางค่ะ ขับยากมาก ทางแคบมาก ถ้าเราไม่จ้างไกด์ขับมา
มีอีกวิธีคือเช่ามอเตอร์ไซร์ขับ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งค่ะ สภาพถนนแบบนี้ ไม่ไหวจริงๆค่ะ กว่าจะถึง
ที่หมายแก่พอดี (ฝุ่นเยอะมากค่ะ) เห็นฝรั่งขับรถล้มด้วยค่ะ สงสารเลยไม่ชินทางไม่แนะนำจริงๆค่ะ
บางช่วงบนเกาะทางชันและโค้งค่ะ

ถึงแล้วจ้า จุดที่ 2 มีชื่อตามป้าย Angels billabong เห็นแดดแรงๆ อุณหภูมิ 24 องศาค่ะ ไม่ร้อนอย่างที่คิด


เมื่อก่อนจุดนี้ให้ลงเล่นน้ำได้ แต่ล่าสุดห้ามลงแล้วค่ะ ถ่ายรูปได้อย่างเดียว สวยและน้ำใสมากๆค่ะ

เดินมาอีกมุม ตรงนี้ก็ห้ามพลาด จับจังหว่ะตอนน้ำกระทบโขดหิน แจ่มไม่เบาค่ะ

ห่างกันเพียง 200 เมตร จะมีอีกจุดที่ไม่ควรพลาด คล้ายๆเกาะทะลุค่ะ มีชื่อว่า Broken Beach สวยมาก

เสร็จแล้วพี่ไกด์จะพาเรามาพักทานข้าวค่ะ ก่อนจะเดินทางไปจุดที่3 แลนด์มาร์คของเกาะนี้
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านที่เราทานข้าวค่ะ
นี่คืออาหารที่คนบาหลีทานประจำค่ะ นาซีโกเร็ง คล้ายๆข้าวผัด รสชาตดีค่ะ มีคล้ายๆหมูสเต๊ะเป็นเครื่องเคียงด้วยค่ะ
อิ่มแล้วเราก็นั่งรถมาไม่เกิน 15 นาที ก็มาถึงจุดที่3 ค่ะ KelingKing Beach แลนด์มาร์คของที่นี่เลยค่ะ
สวยเหมือนในภาพวาดเลยจ้า



ที่เห็นจุดเล็กๆนั่นเป็นนักท่องเที่ยว ที่เดินลงไปเล่นน้ำที่ชายหาดค่ะ แต่ทางลงค่อนข้างชันมาก
และใช้เวลาพอสมควร ดาวเลยไม่ได้ลงไปค่ะ น้ำสีฟ้าครามสวยมากๆค่ะ

เสร็จแล้วเราก็นั่งรถกลับมาที่ท่าเรือเพื่อเดินทางกลับค่ะ เรือเที่ยว 4 โมงเย็นค่ะ

ระหว่างทางกลับไปโรงแรมเห็นวัดจีนที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอยู่เลยให้อกู๊ดแวะไหว้สักการะ
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสวยมากๆค่ะ


คืนที่2 เราพักกันที่โรงแรม The Sakaye Luxury Villas&spa คืนนี้จองห้องแบบพูวิลล่าค่ะ มีสระว่าน้ำส่วนตัว
ฟินไปอี้ก ที่สำคัญราคา2500 บาทเองค่ะ ถ้าเป็นบ้านเราคงมี ห้าพันอัพค่ะ พักโรงแรมนี้ดีตรงที่ มีสถานบันเทิง
ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ใกล้ๆโรงแรมค่ะ

หลังทานอาหารเช้าเสร็จก็แวะมาถ่ายรูปบรรยากาศริมสระหน้าห้องอาหารค่ะ รออกู๊ดมารับ 8 โมงเช้า
ค่ะ วันนี้เราจะไป วัด Pura Ulun Danu Bratan ถ้ามาบาหลีก็ไม่ควรพลาดที่นี่เช่นกันค่ะ

ก่อนจะเดินออกจากโรงแรม แอบเห็นกระทงวางไว้หน้าเคาเตอร์ เลยได้ข้อมูลมาว่าผู้คนที่นี่นิยมนำ กระทงแบบนี้
มาตั้งไหว้ที่หน้าบ้าน ที่พื้นหน้าบ้าน หน้าร้าน กิจการร้านค้าต่างๆ ทุกเช้ารวมถึงรถด้วยค่ะ
เห็นหน้ารถอกู๊ดก็จะมีกระทงแบบนี้ทุกวัน เขาบอกต้องไหว้และเปลี่ยนกระทงทุกวัน ของอกู๊ดแม่เขาจะทำให้ทุกวันค่ะ

ก่อนไปวัด ทางผ่าน อกู๊ดพามาชิมกาแฟของบาหลี เขาจะชงให้เราชิมทุกรสชาตที่มีค่ะ
แปลกและอร่อยก็คงเป็นกาแฟอโวคาโด้ และกาแฟมะพร้าวค่ะ

ติดใจชื้อเป็นของฝากไปค่ะ หน้าคนชงเหมือนพี่เก่งลายพรางเลยอ่ะ

และแล้วเราก็มาถึงละค่ะ วัด Pura Ulun Danu Bratan ก่อนอื่นนักท่องเที่ยวต้องชื้อตั๋วก่อนเข้านะคะ
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคนละ50,000 รูเปียร์ค่ะ

ได้ตั๋วมาละค่ะ

เหลือบไปเห็นเสาไม้ไผ่โค้งๆตกแต่งด้วยกระทงและดอกไม้ สวยดี เสาไม้ไผ่นี้ เรียกว่า "เป็นจอ"
ออกเสียงผิดขออภัยนะคะ เขาจะปลี่ยน "เป็นจอ"ทุก2 เดือนค่ะ เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของที่นี่
เพราะจะเห็นสองข้างทางของถนนประดับไปด้วย "เป็นจอ" ตลอดทางค่ะ

ส่วนรูปปั้นยักษ์ที่นี่เรียกว่า เดหล่ม ค่ะ เห็นเยอะมากตามทางเข้าประตูวัด
รูปแบบแตกต่างกันไปนิยมตั้งเป็นคู่แต่ที่แน่ๆคือหน้าตาจะดุๆน่ากลัวๆแบบนี้ค่ะ


เดินเข้ามาด้านใน มุมนี้ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันค่ะ

เป็นวัดติดริมน้ำที่มีความสวยงามแปลกตาตรงเห็นหลังคาสีดำ ซ้อนกัน คล้ายๆฉัตร
ซึ่งหลังคาอันนี้ทำมาจากต้นมะพร้าว เอามาชุปสีดำ สังเกตุว่าวัดที่นี่จะนิยมทำหลังคา
แบบนี้ทุกวัดเลยค่ะ

ส่วนบริเวณใกล้กันก็จะมีบ้านไม้ไผ่ รูปทรงเก๋ไก๋เลยขอเก็บรูปไว้เเป็นไอเดียร์ค่ะ

แล้วเราก็แวะทานข้าวกลางวันแถวในวัดเลยค่ะ น่ากินมากคล้ายไก่ทอดบ้านเราค่ะ น้ำพริกรสเด็ดสุดๆ
คนบาหลีก็ทานเผ็ดนะคะ

ทานข้าวเสร็จอกู๊ดก็พามาแวะที่ bali swing ค่ะ เห็นแล้วสูงเชียวค่ะ แถมต้องรอคิว
เลยไม่เข้าค่ะ มีความทรงจำที่ไม่ดีกับชิงช้าค่ะ 555 ที่นี่ต้องชื้อตั๋วเข้าไปนะคะ มีจุดถ่ายรุปเยอะค่ะ




อกู๊ดเลยพามาอีกที่ ชื้อตั๋วเข้าเช่นกันค่ะ แต่ไม่ต้องรอคิว และที่สำคัญที่นี่วิวสวยมากค่ะ
และชิงชามีที่ให้เหยียบขึ้นไปถ่ายรูป แต่ไม่มีแกว่งชิงช้านะคะ

ถ่ายรูปเพลินๆแป๊ปๆก็สี่โมงแล้วค่ะก็เลยบอกอกุ๊ดวันนี้ขอกลับเร็วสักวัน
แต่ขณะนั่งรถไปโรงแรมจะสังเกตุเห็นสองข้างถนนเต็มไปด้วยวัด ทุก50-200 เมตร ที่เรียกวัดว่า" ปุล่า"อกู๊ดบอกว่า
ผู้คนที่นี่สามารถสร้างวัดเป็นของตัวเองได้ วัดที่นี่ไม่มีพระแบบบ้านเรานะคะ เขามีวัดไว้กราบไหว้และสวดมนต์ค่ะ
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นสองฝั่งถนนของที่นี่เต็มไปด้วยวัดค่ะ

การแต่งกายของผู้หญิงและผู้ชาย ที่กำลังจะมาที่วัดกันค่ะ

ส่วนอันนี้มีทุกบ้าน เหมือนศาลเจ้าที่บ้านเราค่ะ เรียกว่า "ชังก่ะ"
ทุกๆเช้าคนที่นี่ก็จะเอากระทงมาไหว้เจ้าที่หน้าบ้านทุกวันค่ะ


แล้วเราก้มาถึงโรงแรมที่ 3 กันค่ะ kashantee village ที่นี่ เงียบสงบ คืนละ1700 บาท รวมอาหารเช้า
นักท่องเที่ยวนิยมมาพักโรงแรมนี้เพราะใกล้ชายหาดค่ะ แขกที่มาพักส่วนใหญ่เป็นฝรั่งค่ะ
โรงแรมนี้ตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก ของเก่า สวยงามดีค่ะ
วันนี้ขอนอนชิวๆริมสระสักวันค่ะ อากาศค่อนข้างเย็น เลยไม่ได้ลงไปว่ายน้ำค่ะ

อาหารเช้าวันนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่อร่อยค่ะ ผักโขมมีไข่โป๊ะมาด้วย

อิ่มแล้ว ระหว่างรออกู๊ดมารับ ขอถ่ายหน้าประตูสักรูป อิ อิ วันนี้เราจะไปวัด Pura Lempuyang
ที่ฉากหลังของประตูเป็นภูเขาไฟ

หลังจากนั่งรถมา 2ซม. ถึงแล้วนะคะ ก่อนอื่นต้องลงชื่อบริจาคตรงนี้ บริจาคเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ
และเขาจะแจกผ้าโสร่งให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ว่าจะใส่กางเกงขายาวกระโปรงยาว
ก็ต้องทับด้วยโสร่งอีกที ส่วนใครใส่แขนกุดสายเดี่ยวมา ก็ต้องมีผ้าคลุมไหล่ด้วยค่ะ

อันนี้คือป้ายข้อห้าม อ่านก่อนเดินขึ้นก็ดีค่ะ ที่นี่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมค่ะ

ขึ้นมาถึงก็เจอภาพนี้เลยค่ะ สวยงามมากๆค่ะ ด้านบนเป็นประตูสามารถเดินผ่านได้เฉพาะคนที่นี่ค่ะ
ส่วนนักท่องเที่ยว เดินไปถ่ายรูปที่บันไดได้ แต่ห้ามเข้าประตูค่ะ

เหตุผลที่ต้องใส่เสื้อผ้าสีจัดจ้าน เพื่อการนี้ อิ อิ

หันกลับมาก็จะเจอศาลา ผู้คนรอคิวเพื่อจะถ่ายรูปกับประตูที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟ เยอะมาก
น่าจะเกือบร้อยคนค่ะ ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งด้วยค่ะ ต้องยืน แนะนำว่าควรชื้อขนมมารองท้องด้วยค่ะ เพราะคิวยาวมาก

หลังจากยืนรอไป 3ซม.ก็ได้ถ่ายรูป ไม่ผิดหวังค่ะ แนะนำว่าคิดท่าทางไว้เลยค่ะ เขาจะให้เปลี่ยนท่าคนละ 4-5 แอ็คค่ะ
รอ3 ซม.ถ่ายรูปจริงไม่เกิน 3นาทีค่ะ 555 มีความพยายามมากๆ แต่ไหนๆก็มาแล้วค่ะ ต้องมาให้สุด

ความจริง 555

และนี่คือเบื้องหลังการถ่ายรูปค่ะ เราเข้าใจว่าตรงที่เราถ่ายรูปเป็นน้ำแต่จริงๆคือเขาใช้แผ่นกระจกแนบกับโทรศัพท์
เราตอนถ่ายค่ะ รูปออกมาเลยเหมือนสะท้อนเป็นน้ำค่ะ

ตรงนี้เป็นด้านล่างอีกฝั่งของประตูที่เรารอคิวถ่ายรูป 3 ซม.ค่ะ รำไทยก็มา 555

หลังจากถ่ายรูปเสร็จเดินลงมาก็คืนโสร่ง และเราก็แวะมาถ่ายรูปอีกจุดก่อนจะไป Tirta gangga
โยคะก็มาค่ะ

ภูเขาไฟสวยมากค่ะ

ตรงนี้เป็นวัด และเป็นทางผ่านที่เราจะกลับโรงแรมค่ะ ชื่อว่า Tirta gangga มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้อาบด้วยค่ะ
ก่อนอื่นชื้อตั๋วเข้าก่อนนะคะ

ได้ตั๋วมาละค่ะ ค่าเข้าคนละ 40,000 รูเปียร์ค่ะ ไปกันเล้ยยย


จุดแรกที่เห็นปลาคราฟตัวใหญ่ๆเพียบเลยค่ะ สามารถชื้ออาหารมาให้ได้ค่ะ

มุมนี้วิวสวยค่ะ เสร็จแล้วเราก็กลับโรงแรมกันค่ะ

คืนที่4 ของเราพักที่ Puri Landu Ubud Luxury villas บอกเลยว่าเปิดประตูเข้ามา ชอบมากค่ะ
เป็นบ้านไม้ รีสอร์ทนี้มีห้องอยู่ 4-5 ห้องค่ะ เป็นบ้านเป็นหลัง ประทับใจที่นี่สุดๆค่ะ

มีกระทงวางอยู่ที่เตียงด้วยค่ะ อันนี้เพื่อความสวยงามนะคะ เรียกว่า "จานัง" ไม่ใช่กระทงไหว้นะคะ 555

แก้วนี้คือ welcome drink ค่ะเป็นน้ำมะม่วง อร่อยดีค่ะ

ส่วนดอกไม้ที่ลอยในอ่างอันนี้ถ้าเราต้องการให้ทางโรงแรมเตรียมให้ เราสามารถแจ้งล่วงหน้าได้เลยค่ะ
ราคารวมอยู่ในค่าห้องแล้วค่ะ 2500 รวมอาหารเช้า มันดีงามมากค่ะ

จริงๆถ้าจองอีกหลังวิวตรงหน้าต่างจะเป็นทุ่งนาค่ะ ราคาแพงขึ้นมานิดหน่อย ต้องมาช่วงมิถุนายนหรือกรกฏาคมคม
ช่วงนั้นเขาทำนากันค่ะ แต่บางพื้นที่ที่มีน้ำก็ปลูกข้าวตลอดปีก็มีค่ะ


นอนแช่น้ำอุ่นลอยดอกไม้หอมๆ รู้สึกผ่อนคลายดีค่ะ อาบน้ำเสร็จแล้วก็จะมีพนักงานยกอาหารเช้ามาให้เราที่ห้องค่ะ
ถ้าเราต้องการถาดลอยน้ำแจ้งพนักงานได้ค่ะ เสียเงินเพิ่ม ประมาณ 100 บาทไทยค่ะ ไหนๆก็มาบาหลีละค่ะ จัดเลย 555
วันนี้นัดอกุ๊ดให้มารับตอน 10 โมงค่ะ เลยมีเวลาชิวๆค่ะ

ก่อนเช็คเอ๊าก็เก็บภาพตรงหน้าบ้านพักค่ะ

วันนี้เรามาแต่งกายชุดประจำชาติบาหลีกันค่ะ ค่าเช่าชุดพร้อมถ่ายรูป 500,0000 รูเปียร์ค่ะ
จริงๆตรงนี้เป็นร้านอาหารด้วยค่ะ
เจ้านางมาแล้วค่ะ 555

แปลกตากับสิ่งนี้ค่ะ เรียกว่า "รังดา"


ก่อนที่เราจะเดินทางไปวัดทานาล็อต อกู๊ดพาเรามาทานข้าวอีกร้านนึง
อาหารอร่อย บรรยากาศเป็นทุ่งนา วิวสวยค่ะ

ไวน์ท้องถิ่นของที่นี่ค่ะ ต้องชิม 555

ระหว่างทางไปวัด เจอทุ่งนา แสงมันได้ จัดไป 1รูปค่ะ ดีที่แถวนั้นไม่มีควาย 555

และเราก็มาถึงวัดทานาล็อตละค่ะ เช่นเคยค่ะก่อนเข้าวัด ต้องชื้อตั๋วก่อนนะคะ คนละ 60,000 รูเปียร์ค่ะ

ต้องไม่พลาดมุมนี้นะคะ

หามุมถ่ายรูปเก๋ๆค่ะ555

วัดทานาล็อตค่ะ นักท่องเที่ยวห้ามขึ้นค่ะ เป็นเหมือนเกาะเล็กๆ เราเลยแวะไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ตรงข้างล่าง
และเดินถ่ายรูปรอบๆค่ะ ที่นี่มีงูด้วยนะคะ ว่ากันว่างูเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใครจะดูต้องเสียเงินไปดูค่ะ
แต่เราไม่ได้เข้าไปค่ะ

ก่อนกลับโรงแรม บอกอกู๊ดให้แวะไปร้านนั่งชิวร้านนึงชื่อว่า La Brisa
เห็นว่าไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยไม่เบาค่ะ ระหว่างทางก็เจอทุ่งนาที่เต็มไปด้วยธง
เพราะเขาเอาไว้ไล่นกนั่นเองค่ะ

ถึงละค่ะ เปลี่ยนชุดพร้อม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่ร้านค่ะ เดี๋ยวก็รู้ว่าเข้ากับบรรยากาศที่ร้านไหม 555
จริงๆมาที่นี่ควรจองล่วงหน้า ค่ะ เพราะคนเยอะมาก

ร้านตกแต่งได้สวยค่ะ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งค่ะ มานอนอาบแดด นังชิว ส่วนเรามาเต็มค่ะ 555
ดูแปลกไปเลย

ไม่ได้จองล่วงหน้ามา ก็จะได้ที่นั่งหน้าบาร์นี่แหล่ะค่ะ ชมวิวทะเลค่ะ รอพระอาทิตย์ตกดินค่ะ

วิวดีจริงๆค่ะ 555

ที่นั่งข้างล่างตรงชายหาดก็มีนะคะ


ดูพระอาทิตย์ตกหนำใจแล้วเราก็มาโรงแรมที่เราพักคืนสุดท้ายค่ะ
ชื่อว่า Sol house Bali Legian By Melia hotel international
ล็อบบี้สวยค่ะ โรงแรมนี้ใกล้สนามบิน ใกล้แหล่งเดินช็อปปิ้ง และที่สำคัญในโรงแรมมีผับด้วยค่ะ
มีสระว่ายน้ำ ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้า ดีงามไปอีกค่ะ ราคา 1700 บาทไม่รวมอาหารเช้าค่ะ
เพราะพรุ่งนี้เราต้องออกเช็คเอ๊าตอนตี5 ค่ะ เราบินกลับเวลา 7.50 น.ของแอร์เอเชียค่ะ

อกู๊ดมาส่ง ขอบคุณมากมาย เป็นทั้งไกด์คนขับรถที่น่ารักมาก สุภาพ ดูแลเทคแคร์เราตลอด 6วัน
ใส่ใจคอยแนะนำเรา กลัวเราโดนหลอก 555 ที่สำคัญ ถ่ายรูปสวยมากกกก ใครที่สนใจไปเที่ยวบาหลี
แนะนำอกู๊ดเลยจ้า ติดต่อได้ที่เฟสชื่อ Agus Sudarmawan รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

บ้ายบาย บาหลี ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนรูปสุดท้ายนะคะ
และต้องขออภัยที่รูปเยอะมาก555 มันสวยจริงๆ แพลนไว้ว่าปีหน้าจะมาเที่ยวอีกค่ะ
ยังเที่ยวไม่หมดเลย ขาดตกบกพร่องอะไรดาวขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ มือใหม่หัดรีวิว